โรคมะเร็ง คืออะไร อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาโรคมะเร็ง

โรคมะเร็ง ในปัจจุบันนี้ มะเร็ง ยังเป็นโรคที่คนไทยเสียชีวิตกันเป็นอันดับ 1 อยู่ ถึงแม้ว่าหลายๆคนจะเข้าสู่โหมดสุขภาพเริ่มหันมาใส่ใจในสุขภาพร่างกายตนเองและคนรอบข้างกันมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว  แต่บรรดาเชื้อโรคต่างๆนั้นก็ได้รับการพัฒนาตัวเองเหมือนกัน โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

โรคร้ายที่เรียกได้ว่าเป็นโรคยอดฮิตของคนไทยที่เป็นกันเยอะมากๆ และยังมากกว่าโรคติดต่ออื่นๆเสียอีก เรียกได้ว่าเป็นฆาตกรที่เลือดเย็นก็ว่าได้ เพราะมันฆ่าผู้คน โดยเฉพาะคนไทย และคร่าชีวิตมนุษย์จากทั่วทุกมุมโลกทุกๆวัน และที่สำคัญแล้วมะเร็งยังมีกว่า 200 ชนิดที่ถูกค้นพบแล้ว — โรคมะเร็ง

โรคมะเร็งคืออะไร

มะเร็ง (Cancer) ก็คือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกายของเรา  มีการแบ่งตัวและเจริญขึ้นโดยรวดเร็วอย่างผิดปกติในสารพันธุกรรม (DNA)  โดยจะเริ่มจากเป็นเซลล์เล็กๆ  แล้วจึงค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น  ตามวันเวลา  ยิ่งนานวันเข้าเจ้าเซลล์นั้นก็จะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง

อันจะทำให้เซลล์ในก้อนเนื้อนั้นตายจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกร้าย  ที่ไปเบียดบังทั้งส่วนที่เกิดใหม่และส่วนอื่นๆที่อยู่ข้างเคียงด้วย  จากนั้นมันก็จะค่อยๆ กระจายไปในส่วนอื่นๆ ของร่างกายเราอี โดยจะผ่านระบบกระแสเลือด  หรือน้ำเหลืองของเราเป็นตัวนำเชื้อไปนั่นเอง

มะเร็งคืออะไร

มะเร็ง

สาเหตุโรคมะเร็งและปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง

สาเหตุโรคมะเร็ง สำหรับสาเหตุอันที่จะทำให้ผู้คนต่างป่วยด้วยโรคมะเร็งกันมากขึ้นนั้น  จะเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน กล่าวคือ

1. ปัจจัยภายนอก

– ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  มักจะเกิดในคนที่ไม่นิยมกินร้อน  และใช้ช้อนกลาง โดยอาจติดจากทางน้ำลายในการรับประทานอาหารร่วมกัน
– การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ในกรณีที่ชอบรับประทานอาหารแบบดิบๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบนั่นเอง
– ผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจ  และผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำทุกๆวัน
– ผู้ได้รับรังสีอัลตราไวโลเลตจากแสงแดดเป็นเวลาติดต่อกันนาน
– ผู้ที่เคยผ่านการฉายรังสีเอกซเรย์มาก่อน
– ได้รับสารอะฟลาทอกซิน  ที่จะปนเปื้อนอยู่ในอาหาร  และเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันทุกวัน โดยเฉพาะในพวกพริกแห้ง ถั่ว ฯลฯ
– สารก่อมะเร็งในอาหารจำพวกปิ้ง ย่าง ทอด โดยเฉพาะเนื้อที่ย่างหรือปิ้งจนไหม้เกรียม หรือเนื้อที่ทอดโดยมีการใช้น้ำมันซ้ำๆ ทุกวัน
– ได้รับสารไฮโดรคาร์บอน  อันเป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในการถนอมอาหารอย่างไนโตรซามิน ซึ่งเป็นสีย้อมผ้าที่นำมาใช้เป็นสีผสมอาหารเป็นต้น

2. ปัจจัยภายใน

– จะเกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น เด็กพิการแต่กำเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมนั่นเอง
– ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น พวกวิตามินเอ หรือซี ฯลฯ

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามะเร็งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากปัจจัยภายนอกมากกว่าปัจจัยภายใน  นั่นก็หมายความว่า  เราสามารถป้องกันการก่อเกิดโรคมะเร็งได้มากพอสมควร  ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรม  และระเบียบวินัยการเลือกปฏิบัติของตัวเราเป็นหลัก  รวมทั้งความรู้ในเรื่องของสารก่อมะเร็งด้วย

ของโรคมะเร็ง

อาการของโรคมะเร็ง

อาการของโรคมะเร็ง สำหรับในช่วงแรกๆของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นนั้น  ในร่างกายจะเรียกได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบ่งบอกให้ผู้ป่วยทราบได้เลยว่า  ตัวเองกำลังจะเผชิญกับโรคมะเร็งนี้อยู่  ทำให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้แล้ว
– เมื่อเป็นไปแล้วสักระยะหนึ่ง  หรือหลายปี ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียง่าย  เบื่ออาหาร  รับประทานอาหารได้น้อยลง  อิ่มเร็ว ผอมซูบ  น้ำหนักลดอย่างผิดปกติ  และร่างกายก็จะเริ่มดูทรุดโทรมลง  ไม่สดชื่นไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิม
– และเมื่อตกอยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้น  ก็จะเริ่มปรากฏอาการที่เห็นอย่างชัดเจนในระยะนี้  โดยจะรู้สึกเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก  โดยจะเป็นตามจุดต่างๆ  ที่เกิดมะเร็งขึ้น  ทั้งนี้จะมีอาการมากหรือน้อยอย่างไร

ก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่าเป็นมะเร็งชนิดใด  ประเภทไหน  และการกระจายของเซลล์มะเร็งภายในนั้น  ไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง ณ ขณะนั้นด้วย

ของโรคมะเร็ง

สัญญาณเตือนที่ควรเริ่มสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็ง

– มีเลือดออกอย่างผิดปกติทางทวารต่างๆ โดยเฉพาะในทวารหนัก หรือปากหรือทางมดลูกเป็นต้น
– เริ่มรู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากมากขึ้น  หรือรู้สึกเสียดแน่นท้องอยู่บ่อยๆ และเป็นระยะเวลาที่นานผิดปกติ
– เมื่อปัสสาวะออกมามีเลือดปนออกมาด้วย หรืออุจจาระออกมาเป็นก้อนสีดำ
– เสียงเริ่มแหบและแห้ง  และมีอาการไอบ่อยมากขึ้น  จนถึงขั้นเป็นเรื้อรัง
– เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นในร่างกายแล้วแล้ว  จะหายยาก  ไม่หายสักที
– เมื่อคลำเจอก้อน  หรือตุ่มที่ขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
– เมื่อไฝ หูด หรือปาน  ในร่างกายตามส่วนต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เช่น ใหญ่ขึ้น หรือสีเปลี่ยน เป็นต้น

วิธีรักษาโรคมะเร็ง

วิธีรักษาโรคมะเร็ง

วิธีรักษาโรคมะเร็ง สำหรับวิธีการรักษาโรคมะเร็งนี้  แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยอาการของโรค โดยจะมีการตรวจอย่างละเอียด  ว่าเซลล์มะเร็งร้ายกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง

เมื่อทราบแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ  โดยมะเร็งแต่ละชนิดการรักษาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบ้าง  แต่ทั้งนี้ก็มีวิธีการ  โดยที่แพทย์จะนิยมใช้ในการรักษากันอยู่ คือ — สมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง

1. การผ่าตัด

หากผ่าตัดออกได้  แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก  เพื่อจะกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเราออกไป  แต่วิธีนี้จะไม่ได้สามารถทำการรักษาได้กับมะเร็งทุกประเภท  และหากทำการผ่าตัดแล้วก็ยังไม่แน่นอนว่าจะหายขาด 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่  เป็นเพราะเซลล์มะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย

โดยอาจเป็นเซลล์มะเร็งที่กำลังจะเริ่มจะเกิด  แต่ยังไม่โตให้เห็น  จึงทำให้แพทย์ไม่สามารถรู้หรือสังเกตเห็นได้  เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิมอีก  ก็คือเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น  ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบนึง  แต่โดยส่วนมากกับวิธีการผ่าตัดนี้  แพทย์มักจะแนะนำให้ทำคีโม  หรือเคมีบำบัดร่วมด้วย  เพื่อเพิ่มโอกาสอันที่จะช่วยให้หายขาดจากโรคมะเร็งนี้ได้

2. การใช้รังสีรักษา

จะเป็นการฉายแสงไปยังเซลล์มะเร็งภายในร่างกาย  เพื่อทำลายกลุ่มก้อนของเซลล์มะเร็งนั้น  และสำหรับการฉายแสงนี้จะเป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยจะอาศัยปัจจัยจากชนิดของมะเร็งที่เป็นอยู่  รวมทั้งระยะเวลาของการที่เกิดมะเร็ง  ตลอดจนสุขภาพของผู้ป่วยด้วย  ว่าแข็งแรงพอหรือไม่

ซึ่งหากผู้ป่วยพร้อม  ก็จะทำการฉายแสงประมาณ 2 – 10 นาที  โดยจะต้องทำการฉายแสง  สัปดาห์ละ 5 วัน  รวมประมาณ 5 – 8 สัปดาห์ด้วยกัน  ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย  แต่การรักษาด้วยรังสีรักษานี้  อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นด้วย  ได้แก่  ผิวหนังจะแห้งๆ  คันๆ  เป็นผื่นแดง  หรือคล้ำ  รวมทั้งมีอาการเจ็บคอ  ลิ้นไม่รู้รส  ปากแห้ง  และจะอ่อนเพลียมาก

3. เคมีบำบัด (คีโม)

โดยสำหรับวิธีนี้ถือได้ว่าเป็นการรักษาอย่างถูกจุด  เรียกว่าถึงรากถึงโคนเลยทีเดียว  สามารถมารถแก้ที่สาเหตุโดยตรงของปัญหา  เพราะจะเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งทั้งหมดที่อยู่ภายในร่างกาย  รวมทั้งที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลือง  หรือกระแสเลือดด้วย  โดยแพทย์จะนัดมาทำการตรวจร่างกาย  วัดความดันและทำการเจาะเลือด  ซึ่งหากผลการตรวจร่างกายผ่านแล้ว  แพทย์ก็จะให้ไปทำการให้คีโม

ซึ่งก็เหมือนกับการให้น้ำเกลือทั่วไป  เพียงแต่ต้องนอนรอหลายชั่วโมงจนกว่าตัวยาจะหมด  และในระหว่างการให้คีโมนี้  ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดอาการแพ้ขึ้นได้  ซึ่งอาจจะรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้  หรืออาเจียน  และผลข้างเคียงที่ตามมาหลังจากการให้คีโมไปแล้วประมาณ 1 – 2 สัปดาห์  โดยผมจะเริ่มร่วง  รู้สึกคลื่นไส้  อาเจียน

เป็นแผลในปาก  และปริมาณเม็ดเลือดลดลง  จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียตลอด จนอาจรู้สึกหายใจลำบาก  มีผื่นขึ้น  ท้องผูกถ่ายไม่ออก  หรือมีไข้ เป็นต้น  แต่การรักษาด้วยวิธีนี้  ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว  แถมยังต้องทำหลายๆครั้ง  ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเอง  ว่าต้องทำทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะหายเป็นปกติได้

โรคมะเร็ง

รายชื่อโรคมะเร็งที่พบกันได้บ่อย

1. มะเร็งตับ
2. มะเร็งปอด
3. มะเร็งเม็ดเลือดขาว
4. มะเร็งสมอง
5. มะเร็งปากมดูก
6. มะเร็งลำไส้
7. มะเร็งกล่องเสียง
8. มะเร็งผิวหนัง
9. มะเร็งรังไข่
10. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
11. มะเร็งต่อมลูกหมาก
12. มะเร็งเต้านม
13. มะเร็งกระเพาะอาหาร
14. มะเร็งกระดูก
15. มะเร็งหลอดอาหาร
16. มะเร็งลิ้น
17. มะเร็งช่องปากและลำคอ
18. มะเร็งท่อน้ำดีและถุงน้ำดี
19. มะเร็งหลอดลม
20. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
21. มะเร็งตับอ่อน
22. มะเร็งไต
23. มะเร็งไทรอยด์
24. มะเร็งโพรงมดลูก

การป้องกันโรคมะเร็ง

การป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง

– ต้องควบคุมน้ำหนักตัวเอง  ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ  อย่างสม่ำเสมอ
– ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
– ควรหลีกเลี่ยงจากพื้นที่  ที่มีอากาศหรือมลภาวะเป็นพิษ  อย่างท่อไอเสียจากรถยนต์  หรือควันจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น
– จะต้องรับประทานผักและผลไม้  ที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ส้ม, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี, ฝรั่ง หรือผักใบเขียวต่างๆ ฯล เป็นต้น
– จะต้องรับประทานผักและผลไม้ที่ให้วิตามินเอสูง เช่น แครอท, มะละกอ, กะหล่ำ หรือเซเลอรี ฯลฯ
– จะต้องรับประทานอาหารที่ให้กากใย  หรือไฟเบอร์มาก  เช่น ข้าวโพด, เมล็ดธัญพืชต่างๆ ฯลฯ  เป็นต้น
– ต้องรับประทานผัก ตระกูลกะหล่ำมากๆ เช่น ดอกกะหล่ำ, กะหล่ำปลี, บร็อกโคลี, หรือผักคะน้า ฯลฯ
– ควรจำกัดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ด้วย
– ระมัดระวัง  ไม่รับประทานอาหารที่มีเชื้อราขึ้นด้วย
– หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด รมควัน หรือของหมักดอง  รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย
– ไม่ดื่มสุราและแอลกอฮอล์ และควรงดสูบบุหรี่
– หลีกเลี่ยงอาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ อย่างเช่น ก้อย ปลาจ่อม เป็นต้น
– พยายามหลีกเลี่ยงการตากแดด  โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลัง 09.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นจำนวนมาก  อันที่จะสามารถทำลายเซลล์ผิวหนังของเราได้  และอาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ในภายหลัง

วิธีการป้องกันโรคมะเร็ง

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าโรคมะเร็งนั้น  เป็นโรคอันตรายที่คงจะไม่มีใครอยากประสบพบเจอแน่นอน  ซึ่งเราก็สามารถที่จะป้องกัน  ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งได้  ทั้งนี้  ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมระเบียบวินัยของทุกคนเป็นหลัก  ว่าจะสามารถยับยั้งชั่งใจ  ในเรื่องอาหารการกินได้มากน้อยเพียงใด

เพราะจะเห็นได้ว่าสาเหตุของโรคมะเร็งโดยส่วนใหญ่นั้น  จะเกิดมาจากการรับประทานอาหารเป็นส่วนมาก  เราจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแต่คุณประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการ  รวมถึงจะต้องมีความสะอาด  โดยไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีต่างๆ  เพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างมะเร็ง

เมื่อเราได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งกันไปทั้งหมดแล้ว ก็อย่าลืมนำความรู้ไว้มาดูสุขภาพร่างกายของเพื่อนๆและคนรอบตัวกันให้มากขึ้นนะค่ะ เมื่อสุขภาพและร่างกายมีความแข็งแรงจะทำให้การใช้ชีวิตมีความสุข เพื่อนๆอาจจะเริ่มจากการรับประทานผลไม้ ผัก อาหารที่มีอยู่ในจานครบ 5 หมู่

ทำการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ที่สำคัญนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ น่าจะดีที่สุด และง่ายที่สุดต่อสุขภาพของเรา สำหรับในวันนี้ขอตัวลาไปก่อนแล้วพบกันอีกครั้ง สวัสดีค่ะ